ประเทศจีน

สาธารณรัฐประชาชนจีน

เป็นรัฐเอกราชในเอเชียตะวันออก เป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก กว่า 1,400 ล้านคนโดยเป็นรองเพียงอินเดีย ซึ่งประชากรจีนคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 17.4% ของประชากรโลก จีนมีพื้นที่กว่า 9.6 ล้านตารางกิโลเมตร (3,700,000 ตารางไมล์) นับเป็นประเทศที่มีพื้นที่ทั้งหมดใหญ่ที่สุดในโลกเป็นอันดับ 3 หรือ 4 แล้วแต่วิธีการวัด มีเมืองหลวงคือปักกิ่ง ในขณะที่เมืองที่มีประชากรมากที่สุดและเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจคือเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีนแบ่งการปกครองออกเป็น 22 มณฑล (ไม่รวมพื้นที่พิพาทไต้หวัน), 5 เขตปกครองตนเอง, 4 นครปกครองโดยตรง (ปักกิ่ง เทียนจิน เซี่ยงไฮ้ และฉงชิ่ง), และ 2 เขตบริหารพิเศษ ได้แก่ฮ่องกงและมาเก๊า จีนยังมีพรมแดนทางบกติดกับประเทศอื่น ๆ มากถึง 14 ประเทศ ถือเป็นหนึ่งในสองประเทศที่มีพรมแดนติดประเทศอื่นมากที่สุดเท่ากับรัสเซีย

ประเทศจีนถือเป็นหนึ่งในต้นกำเนิดของอารยธรรมโลก ดินแดนทั้งหมดเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์มาตั้งแต่ยุคหินเก่า ราชวงศ์แรก ๆ ในประวัติศาสตร์ อาทิ ราชวงศ์ชาง และ ราชวงศ์โจว เจริญรุ่งเรืองในลุ่มแม่น้ำเหลืองอันอุดมสมบูรณ์ตั้งแต่ปลายสหัสวรรษที่สองก่อนคริสตศักราช ในช่วงศตวรรษที่สามถึงศตวรรษที่แปดก่อนคริสตศักราช ราชวงศ์โจวต้องเผชิญความขัดแย้งที่สำคัญ ในช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นต้นกำเนิดของปรัชญาและวรรณกรรมคลาสสิก จีนยึดระบบการเมืองแบบราชาธิปไตยหลายสหัสวรรษ ก่อนจะรวมกันเป็นปึกแผ่นครั้งแรกภายใต้จักรพรรดิในสมัยราชวงศ์ฉินเมื่อ 221 ปีก่อนคริสตกาล และอยู่ภายใต้การปกครองโดยอีกหลายราชวงศ์ อาทิ ราชวงศ์ฮั่น, ราชวงศ์ถัง, ราชวงศ์หมิง และ ราชวงศ์ชิง ในยุคนี้ยังเป็นจุดกำเนิดของเหตุการณ์สำคัญ อาทิ การประดิษฐ์ดินปืนและกระดาษ, การถือกำเนิดของเส้นทางสายไหม และการสร้างกำแพงเมืองจีน วัฒนธรรมจีนรวมถึงภาษา, ประเพณี, สถาปัตยกรรม, ปรัชญา มีอิทธิพลสูงต่อเขตวัฒนธรรมเอเชียตะวันออกในช่วงเวลานี้ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จีนต้องเผชิญความขัดแย้งภายใน รวมถึงภัยคุกคามยุคล่าอาณานิคมจากโลกตะวันตกนำไปสู่สงครามสำคัญหลายครั้ง รวมถึงการลงนามในสนธิสัญญาไม่เสมอภาคและการเสียดินแดนบางส่วน

การปกครองโดยราชวงศ์สิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1912 จากการปฏิวัติซินไฮ่และการสละราชสมบัติของจักรพรรดิผู่อี๋ พร้อมกับการสถาปนาสาธารณรัฐจีนโดยพรรคก๊กมินตั๋ง ในวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1912 ครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 20 ภายใต้รัฐบาลเป่ย์หยางเป็นยุคสมัยแห่งความแตกแยก จีนต้องเผชิญสงครามกลางเมืองซึ่งแบ่งประเทศออกเป็นค่ายการเมืองสองค่ายหลักคือ ก๊กมินตั๋งและพรรคคอมมิวนิสต์จีนซึ่งเริ่มต้นใน ค.ศ. 1927 ตามมาด้วยสงครามจีน–ญี่ปุ่นครั้งที่สองใน ค.ศ. 1937 ซึ่งกินเวลาในไปถึง ค.ศ. 1945 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง สงครามกลางเมืองยุติลงชั่วคราว และจีนต้องพบกับเหตุการณ์รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งโดยกองทัพญี่ปุ่นจากเหตุการณ์การสังหารหมู่ที่หนานจิง ซึ่งส่งผลต่อความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสองชาติมาถึงปัจจุบัน ความเป็นปฏิปักษ์ส่วนใหญ่สิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1949 เมื่อฝ่ายคอมมิวนิสต์ชนะสงครามกลางเมือง และสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นในจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนสาธารณรัฐจีนซึ่งอยู่ภายใต้การนำของก๊กมินตั๋งได้ย้ายเมืองหลวงไปยังไทเปบนเกาะไต้หวัน สาธารณรัฐประชาชนจีนได้มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งทางการเมืองกับสาธารณรัฐจีนเหนือปัญหาอธิปไตย และสถานะทางการเมืองของไต้หวัน การปกครองในช่วงแรกในระบอบคอมมิวนิสต์เป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวกระโดดไกลไปข้างหน้า ทว่ากลับส่งผลให้เศรษฐกิจถดถอยอย่างมากและเป็นยุคที่ประชาชนเผชิญความอดอยากมากที่สุดครั้งหนึ่ง ความแตกแยกระหว่างจีน–โซเวียตและการลงนามในแถลงการณ์เซี่ยงไฮ้ทำให้ความสัมพันธ์กับสหรัฐดีขึ้น ในระหว่าง ค.ศ. 1966–1976 เป็นทศวรรษแห่งการปฏิวัติทางวัฒนธรรมโดยเหมา เจ๋อตง นำไปสู่ความสูญเสียครั้งใหญ่และการกวาดล้างโดยรัฐบาล การปฏิรูปเศรษฐกิจโดย เติ้ง เสี่ยวผิง ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ ทว่าการปฏิรูปทางการเมืองต้องหยุดชะงักลงสืบเนื่องจากการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมินซึ่งจบลงด้วยการสังหารหมู่ แม้จะเผชิญกับความขัดแย้งหลายครั้ง แต่เศรษฐกิจก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

จีนเป็นรัฐเดี่ยวปกครองด้วยระบบพรรคการเมืองเดียวโดยพรรคคอมมิวนิสต์ เป็นหนึ่งในห้าสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเป็นสมาชิกร่วมก่อตั้งขององค์กรสำคัญหลายแห่งในภูมิภาค อาทิ ธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย, กองทุนเส้นทางสายไหม และ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค รวมทั้งเป็นสมาชิกของบริกส์, กลุ่ม 20, ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก และ การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก จีนได้รับการจัดอันดับต่ำในแง่ประชาธิปไตย, การทุจริต, สิทธิมนุษยชน, เสรีภาพสื่อ และความแตกต่างทางชาติพันธุ์ นับตั้งแต่การปฏิรูปเศรษฐกิจเมื่อ ค.ศ. 1978 จีนกลายเป็นหนึ่งในชาติที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดในโลก โดยเป็นผู้ส่งออกสินค้ารายใหญ่ที่สุดของโลก และเป็นผู้นำเข้ารายใหญ่อันดับสองของโลก และเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกทั้งในด้านผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศราคาตลาด และความเท่าเทียมของอำนาจซื้อ จีนได้รับการจัดให้เป็นรัฐอาวุธนิวเคลียร์และมีกองทัพขนาดใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีค่าใช้จ่ายด้านกลาโหมมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ปัจจุบันจีนถือเป็นประเทศอำนาจนำภูมิภาคและเป็นมหาอำนาจของโลก จีนมีแหล่งแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโกมากถึง 59 แห่งซึ่งมากเป็นอันดับสองของโลก จีนยังเป็นประเทศวัฒนธรรมที่โดดเด่น และขึ้นชื่อในด้านอาหารซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

footer